MX vs ATV Legends เกมแข่งรถวิบากสุดท้าทายที่มีรถให้เลือกถึง 3 ประเภท

MX vs ATV Legends เป็นเกมแข่งรถวิบากที่มีการปรับปรุงออกมาเรื่อยซึ่งในภาคนี้ก็นับเป็นภาคที่ 7 เข้าไปแล้วตั้งแต่แมื่อ MX vs. ATV Unleashed ที่เคยออกมาให้เล่นกันตั้งแต่ปี 2005

เกมแข่งรถแบบวิบากถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแนวที่มีปรับปรุงเป็นเกมออกมาให้เล่นกันหลายภาค แต่ว่าก็ราวเป็นเกมเฉพาะกรุ๊ปอยู่พอควร ปัจจุบันทาง THQ Nordic และก็ Rainbow Studios ส่งเกม MX vs ATV Legends ออกมาวางขายให้ได้เล่นกันทั้งยังบน PlayStation 4, PlayStation5, Xbox Series X|S, Xbox One, รวมทั้ง PC โดยทางพวกเราได้โอกาสได้ทดลองเล่นในเวอร์ชั่นของ PC มาแล้ว วันนี้ก็เลยจะมารีทิวทัศน์ดูก่อนยละเอียดของเกมรวมทั้งความรู้สึกภายหลังที่ได้เล่นไปแล้วมาฝากกันนะครับ MX vs ATV Legends เป็นเกมแข่งรถวิบากที่มีการปรับปรุงออกมาเรื่อยซึ่งในภาคนี้ก็นับเป็นภาคที่ 7 เข้าไปแล้วตั้งแต่แมื่อ MX vs. ATV Unleashed ที่เคยออกมาให้เล่นกันตั้งแต่ปี 2005 ชี้ได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่ธรรมดาแล้วก็แฟนคลับให้การตอบรับด้วยดีตลอดมา โดย MX vs ATV Legends ยังคงแบบอย่างการเล่นแบบ Racing หรือเกมแข่งรถด้วยรถยนต์จำพวกวิบากที่มีอีกทั้ง จักรยานยนต์วิบาก, รถยนต์ ATV รวมทั้งรถยนต์ UTV ผ่านกราฟิกที่ได้รับการปรับแก้ให้ดีแล้วก็สวยขึ้น โดยใช้ Unreal Engine ในการพัฒนา แม้ว่าจะไม่ถึงกับขนาดว่างามไปซะทุกๆสิ่งทุกๆอย่างแม้กระนั้นพวกเนื้อหาของฉาก สนาม สิ่งแวดล้อมทำออกมาก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวของสนามสำหรับแข่งที่นานับประการอีกทั้งพื้นดิน ก้อนกรวด หรือโคลนก็มีระบบระเบียบฟิสิกส์ที่มีผลต่อรถยนต์ได้อย่างสมจริงสมจังในเรื่องความเร็วหรือความหนืดตามภาวะผิวถนน ฯลฯ ส่วนด้านความสามารถแอบมีลักษณะแฟรมเรตตกบ้างในบางจังหวะ ในด้านของการเล่น เกมมิได้มีโหมดเรื่องราวแบบจริงๆจังๆแม้กระนั้นมีการเล่นแบบ Singleplayer ผ่าน Career Mode ที่จะให้พวกเราชิงชัยรถมอเตอร์ไซค์วิบาก, ATV รวมทั้ง UTV ในหลายๆรายการ รวมทั้งแนวทางการทำภารกิจต่างๆไต่ระดับความก้าวหน้าแบบเป็นเส้นตรงไปเรื่อยเริ่มตั้งแต่จักรยานยนต์วิบากแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไป ATV กับ UTV โดยจะมีการปลดล๊อครายการประลองต่างๆมากขึ้น กระทั่งหลังจากนั้นสามารถที่จะผ่านไปเลือกแข่งขันจักรยานยนต์วิบาก หรือไป UTV เลยได้ด้วยเหมือนกัน ความน่าดึงดูดใจก็เกมนี้เป็นตัวเกมเลือกที่จะพรีเซ็นท์แบบ Open World ให้พวกเราได้ขับขี่รถไปในแผนที่อันกว้างขวางได้อย่างอิสระ และหลังจากนั้นก็ค่อยมาสนทนากับ NPC เพื่อเลือกลงแข่งขันในรายการต่างๆได้ แม้กระนั้นโชคร้ายเพียงแค่มันไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะแค่ไหนนัก จะมีก็แค่การขับไปเก็บพวกตัวเขียนที่กระจัดกระจายอยู่ตามแผนที่แค่นั้น ซึ่งก็มองน่าระอาไปซักนิด อุตส่าทำมาเป็น Open World ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงแล้วมันคงจะมีอะไรให้ทำมากยิ่งกว่านี้ ส่วนโหมด Multiplayer ในเกมนี้ก็สามารถเล่นได้โดยเป็นการชิงชัยออนไลน์แบบสูงสุด 16 คนนั่นเอง แล้วก็ยังมีลักษณะของการเล่นแบบ 2 คน แบ่งจอ Split Screen ในเครื่องเดียวกันอีกด้วย